Industrial Estate Authority of mahachaicityThailand เมืองอุตสาหกรรม มหาชัย ประเทศไทย MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
ดร.สมัย
เหมมั่น
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
จุดเด่นของโครงการ
1.เสนอขายราคา ทุ่น ต่ำ 7,500- บาท
/ ตรว.
2.พื้นที่ก่อสร้าง เป็นพื้นที่
ประชาพิจารเป็น สีม่วง และนอกเขตควบคุมการก่อสร้างของเทศบาล ท่าจีน
3.โครงการ อยู่เจริญอุตสาหกรรม
ท่าจีน มีนโยบายการส่งเสริมการลงทุน ขอจัดตั้งเป็นเขต นิคมอุสาหกรรม ภาคเอกชน
4.ทำเลที่ตั้ง สะดวก ต่อการ
ตั้งโรงงาน สิ่งแวดล้อมโรงงาน มีแรงงานจำนวนมาก
เดินทางสะดวกในการทำงาน
จุดด้อย ของโครงการ
1.เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ
ดินเค็มนาเกลือและบ่อดิน
2.ความไม่แน่นอของ แผนที่ผังเมือง
ว่าจะกำหนดผังเมือง สีเขียวหรือสีม่วง
3.การอนุญาตการก่อสร้างโรงงานไม่แน่นอนแพราะกฎหมายผังเมืองไม่แน่นอน
4.พื้นที่โดยรอบ
ยังไม่มีความเจริญ ด้านที่อยู่อาศัน
โอกาสที่จะได้
1.กฎหมายผังเมืองไม่แน่นอนและเปิดโอการให้เจ้าของโครงการ ทำธุรกิจที่นอกกฎหทาย
2.ราคาที่ดินคิดว่าราคาที่ดินประหยัด
ในราคาซื้อและพัฒนา แบบนิคม ที่ดินจะประเมินแยยเดิมๆ
3.หน่วงาน
อบต.ให้การสนับสนุ่นทีกรูปแบบ
4..ทีมงานของ ดร.สมัย เหมมั่น
มีกลุ่มคนงานลุมลึกได้
นิคมอุตสาหกรรม เมืองมหาชัย
ประเทศไทย Industrial
Estate Authority of mahachaicityThailand นิคมอุตสาหกรรม
เมืองมหาชัย ประเทศไทย 1
(อยู่เจริญ - ท่าจีน) ติดต่อ maikub01@yahoo.com
วันอังคารที่
19 มกราคม
พ.ศ. 2559
โครงการ อยู่เจริญ อุตสาหกรรม- (พระราม2-ท่าจีน ) ประกาศ ให้ทราบทั่วกัน ในการให้บริการ-การขาย ยุค AEC
โครงการ อยู่เจริญ อุตสาหกรรม
(พระราม2-ท่าจีน )
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
Industrial
Estate Authority
of mahachaicityThailand
of mahachaicityThailand
นิคมอุตสาหกรรม เมืองมหาชัย ประเทศไทย
ประกาศ ให้ทราบทั่วกัน
ในการให้บริการ-การขาย มอบหมายและมอบอำนาจ ในการบริหารและการขายโครงการ ให้กับ กลุ่ม การบริหาร D-HOUSE GROUP -เพื่อ ดำเนินการบริหารการก่อสร้าง-การบริหารการขายและการบริหารการตลาด เพื่อให้โครงการได้ดำเนินการอย่างมั่งคลั่งมีหลักวิชาการตลอดจนสอดคล้องกับ การตลาดยุคปัจจุบัน การบริหารการค้าที่ยั่งยืนและมีธรรมาภิบาล ทันสมัยทันเหตุการณ์ เป็นการค้าและการบริการแบบยั่งยืน โดยมี คณะบริหาร ดังนี้
Mr. Yanghee ประธานกรรมการ
นโยบาย
มุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้าน
นิคมอุตสาหกรรม
Industrial Estate Authority of mahachaicityThailand
Industrial Estate Authority of mahachaicityThailand
นิคมอุตสาหกรรม เมืองมหาชัย ประเทศไทย 1 (อยู่เจริญ - ท่าจีน)
Industrial
Estate Authority of mahachaicityThailand
Industrial Estate Authority of mahachaicity Thailand
Industrial Estate Authority of
mahachaicityThailand
โครงการ อยู่เจริญ-ท่าจีน ได้มอบให้ กลุ่ม D-HOUSE
GROUP THAILAND ดำเนินการบริหารจัดการ ทุกประการ
โดย ประธาน Mr.Yanghee และ Dr.samai
hemman CEO
โครงการ อยู่เจริญ อุตสาหกรรม- (พระราม2-ท่าจีน ) ประกาศ ให้ทราบทั่วกัน ในการให้บริการ-การขาย ยุค AEC
Industrial Estate Authority
of mahachaicityThailand
of mahachaicityThailand
อุตสาหกรรม เมืองมหาชัย ประเทศไทย
ประกาศ ให้ทราบทั่วกัน
ในการให้บริการ-การขาย มอบหมายและมอบอำนาจ ในการบริหารและการขายโครงการ ให้กับ กลุ่ม การบริหาร D-HOUSE GROUP -เพื่อ ดำเนินการบริหารการก่อสร้าง-การบริหารการขายและการบริหารการตลาด เพื่อให้โครงการได้ดำเนินการอย่างมั่งคลั่งมีหลักวิชาการตลอดจนสอดคล้องกับ การตลาดยุคปัจจุบัน การบริหารการค้าที่ยั่งยืนและมีธรรมาภิบาล ทันสมัยทันเหตุการณ์ เป็นการค้าและการบริการแบบยั่งยืน โดยมี คณะบริหาร ดังนี้
ประธานกรรมการ
Dr.Samai Hemman
CEO
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
นโยบาย มุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้าน
นิคมอุตสาหกรรม
โครงการ อยู่เจริญ-ท่าจีน ได้ มอบให้กลุ่ม
D-HOUSE
GROUP THAILAND ดำเนินการบริหารจัดการ
ทุกประการ โดย ประธาน Mr.Yanghee และ Dr.samai hemman CEOโครงการ
อยู่เจริญ อุตสาหกรรม-
(พระราม2-ท่าจีน
) ประกาศ
ให้ทราบทั่วกัน ในการให้บริการ-การขาย
ยุค AEC
วิธีการ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
Industrial Estate
Establishment
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
นิคมอุตสาหกรรม เมืองมหาชัย ประเทศไทย (อยู่เจริญ - ท่าจีน)
การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
Industrial Estate Establishment
นายอภิชาติ เสกธีระ
นักศึกษาโครงการภาคพิเศษ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม civil2915ieat @gmail.com
บทคัดย่อ
การ จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และการบริหารจัดการ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดำเนินการเอง รูปแบบที่ 2 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมดำเนินงานกับเอกชน โดยการจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตลอดจนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสิ่งที่จำเป็นต่อการประกอบอุตสาหกรรม ภายใต้การอนุมัติ /อนุญาต /กำกับดูแล และการบริการในนิคมอุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามข้อบังคับของการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (กนอ.)
Abstract
Establishing and managing of the Industrial Estate Authority of Thailand (“IEAT”) are divided into 2 categories. The first category is operated by IEAT and the second category is jointly operated by IEAT and private companies, in which to provide the facilities, utilities including environmental management and all other necessities for the operation of industry. All approval, permission, supervision and services in the Industrial Estate must be in accordance with the IEAT’s Regulations.
คำสำคัญ: การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.), นิคมอุตสาหกรรม
1. บทนำ
การ ที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะรวมโรงงานที่กระจัดกระจายให้มาอยู่รวมกัน จึงจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเมื่อปี พ.ศ. 2524ขึ้น โดยให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดตั้งและพัฒนานิคมอุตสาหกรรม หลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม (Developer) จึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและมีส่วนร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมฯในการพัฒนา อุตสาหกรรมในประเทศให้เจริญเติบโตสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ ตลอดจนสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระจายอุตสาหกรรมไปสู่ส่วนภูมิภาคอย่างมี ระบบในรูปแบบของ “นิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน” ซึ่งจะเป็นยุทธฐานในการผลิต ซึ่งพร้อมด้วยปัจจัยการผลิตการค้า และให้บริการ ที่มีการจัดระเบียบ การกำกับ ดูแลที่จะผสมผสานและสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม สังคม อย่างมีดุลยภาพ
ใน บทความนี้ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลความรู้เบื้องต้นของการจัดตั้งนิคม อุตสาหกรรม เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษา และแนวทางความรู้ในการดำเนินการขออนุญาตให้ตรงตามวัตถุประสงค์ต่อไป
2. การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
2.1 รูปแบบการจัดตั้ง และการบริหารจัดการนิคม แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
รูปแบบที่ 1 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ดำเนินการเอง
- กนอ. ต้องจัดหาและพัฒนาที่ดิน พร้อมให้บริการระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในนิคม
- กนอ. มีหน้าที่ให้การอนุมัติ/ อนุญาต ผู้ประกอบกิจการ ในนิคมอุตสาหกรรม
- กนอ. มีหน้าที่กำกับดูแล และสนับสนุนการประกอบอุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เป็นอันตราย ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
วิธีดำเนินการ
- จัดหาที่ดิน
- พัฒนาที่ดิน โดยจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวย ความสะดวกที่ได้มาตรฐาน
- ประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (HIA)
- จัดทำและอนุมัติผังแม่บทนิคมอุตสาหกรรม
- จัดทำแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค/ สาธารณูปการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
- จัดทำและอนุมัติผังจัดสรรที่ดินกำหนดราคาขาย หรือให้เช่าพื้นที่, ค่าบริการสาธารณูปโภค และบริการอื่นๆ
รูปแบบที่ 2 กนอ.
ร่วมงานกับเอกชน
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- ประเภทที่ 1 ผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้พัฒนาที่ดิน พร้อมระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่นๆ
- ประเภทที่ 2 ผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้พัฒนาที่ดิน พร้อมระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และ กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่นๆ
วิธีดำเนินการ ของเอกชน
1. จัดหาที่ดิน
2. พัฒนาที่ดิน โดยจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในนิคม
3. โอนกรรมสิทธิ์ระบบสาธารณูปโภคให้ กนอ.
4. จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
5. จัดทำผังแม่บทนิคมอุตสาหกรรม
6.จัดทำแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค สารธรณูปการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
7.จัดทำผังจัดสรรที่ดิน
8.กำหนดค่าขาย/ให้เช่าพื้นที่โครงการ
9.กำหนดค่าให้บริการ และบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม
วิธีดำเนินการ ของ กนอ.
1. กำกับดูแล และให้ความเห็นชอบการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในนิคม
2. ประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรม
3. อนุมัติผังแม่บทนิคมอุตสาหกรรม
4. อนุมัติแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
5. อนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน
6. มีอำนาจบริหารและดำเนินการตาม พรบ. กนอ.
7. กำกับดูแลการให้บริการระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
8. บริหาร ให้บริการ และบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของนิคมอุตสาหกรรม
2.2 การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน
กน อ. ส่งเสริม และสนับสนุนให้เอกชนหรือองค์กรของรัฐเป็นผู้ลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วม ดำเนินงานกับ กนอ. โดยการจัดให้มีบริการระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตลอดจนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต่อการประกอบอุตสาหกรรม ภายใต้การอนุมัติ อนุญาต และกำกับดูแลของ กนอ.
ขั้นตอนการดำเนินการ
1. ภาคเอกชนที่สนใจและมีความประสงค์จะเสนอพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วม ดำเนินงาน ยื่นแบบคำขอจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมพร้อมเอกสารประกอบ ได้ที่ กนอ.
2. กนอ.พิจารณาความเหมะสมเบื้องต้นแล้วแจ้งผลการพิจารณาให้เอกชนทราบ กรณีพื้นที่มีความเหมาะสม กนอ.จะประสานภาคเอกชนเพื่อกำหนดวันสำรวจพื้นที่
3. กนอ.สำรวจพื้นที่โครงการ หากพื้นที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ กนอ. จะสรุปผลเสนอคณะกรรมการ กนอ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรม
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- ประเภทที่ 1 ผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้พัฒนาที่ดิน พร้อมระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่นๆ
- ประเภทที่ 2 ผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้พัฒนาที่ดิน พร้อมระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และ กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่นๆ
วิธีดำเนินการ ของเอกชน
1. จัดหาที่ดิน
2. พัฒนาที่ดิน โดยจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในนิคม
3. โอนกรรมสิทธิ์ระบบสาธารณูปโภคให้ กนอ.
4. จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
5. จัดทำผังแม่บทนิคมอุตสาหกรรม
6.จัดทำแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค สารธรณูปการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
7.จัดทำผังจัดสรรที่ดิน
8.กำหนดค่าขาย/ให้เช่าพื้นที่โครงการ
9.กำหนดค่าให้บริการ และบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม
วิธีดำเนินการ ของ กนอ.
1. กำกับดูแล และให้ความเห็นชอบการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในนิคม
2. ประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรม
3. อนุมัติผังแม่บทนิคมอุตสาหกรรม
4. อนุมัติแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
5. อนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน
6. มีอำนาจบริหารและดำเนินการตาม พรบ. กนอ.
7. กำกับดูแลการให้บริการระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
8. บริหาร ให้บริการ และบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของนิคมอุตสาหกรรม
2.2 การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน
กน อ. ส่งเสริม และสนับสนุนให้เอกชนหรือองค์กรของรัฐเป็นผู้ลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วม ดำเนินงานกับ กนอ. โดยการจัดให้มีบริการระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตลอดจนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต่อการประกอบอุตสาหกรรม ภายใต้การอนุมัติ อนุญาต และกำกับดูแลของ กนอ.
ขั้นตอนการดำเนินการ
1. ภาคเอกชนที่สนใจและมีความประสงค์จะเสนอพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วม ดำเนินงาน ยื่นแบบคำขอจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมพร้อมเอกสารประกอบ ได้ที่ กนอ.
2. กนอ.พิจารณาความเหมะสมเบื้องต้นแล้วแจ้งผลการพิจารณาให้เอกชนทราบ กรณีพื้นที่มีความเหมาะสม กนอ.จะประสานภาคเอกชนเพื่อกำหนดวันสำรวจพื้นที่
3. กนอ.สำรวจพื้นที่โครงการ หากพื้นที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ กนอ. จะสรุปผลเสนอคณะกรรมการ กนอ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรม
รูปที่1
แผนผังแสดงขั้นตอนการขออนุญาต
4. ในกรณีที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ
การนิคมอุตสาหกรรมฯ แจ้งผลพิจารณา
พร้อมประสานภาคเอกชนหรือส่วนราชการเพื่อจัดทำสัญญาร่วมดำเนินงาน
โดยมีรูปแบบการร่วมดำเนินงาน ดังนี้
5. ในระหว่างดำเนินการขอจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ผู้พัฒนาจะต้องดำเนินการ จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ส่งให้กองสิ่งแวดล้อมและพลังงานฝ่ายสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยเพื่อนำส่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรฯ พิจารณาด้วย
5. ในระหว่างดำเนินการขอจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ผู้พัฒนาจะต้องดำเนินการ จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ส่งให้กองสิ่งแวดล้อมและพลังงานฝ่ายสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยเพื่อนำส่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรฯ พิจารณาด้วย
6. ภายหลังการลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานกับ กนอ. แล้ว กนอ.
จะดำเนินการประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรมเรื่องการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป
และในกรณีจัดตั้งเป็นเขตประกอบการเสรีจะกำหนดเขตฯ โดยออกเป็นประกาศคณะกรรมการ กนอ.
2.3 หลักเกณฑ์และวิธีพิจารณา-คำขอจัดตั้งนิคมฯ
กรณีนิคมฯ ร่วมดำเนินงาน ของภาคเอกชนร่วมกับ กนอ.
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณา
1. พื้นที่ ต้องไม่ขัดต่อนโยบายการใช้ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม และกฎหมายอื่นๆ เช่น พรบ. ผังเมือง, ไม่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ, หรือไม่อยู่ในเขตห้ามประกอบกิจการโรงงานทุกประเภท
2. เมื่อผ่านข้อ 1 แล้ว กนอ. จะพิจารณาความเป็นไปได้โครงการด้านต่างๆ คือ ด้านการเงิน, ด้านมาตรฐานระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการในนิคมฯ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับ กนอ.
2.4 การพัฒนาของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
- ปัจจุบัน กนอ. มีนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 39 นิคม กระจายอยู่ใน 14 จังหวัด
- นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง จำนวน 11 นิคม
- นิคมอุตสาหกรรมที่ร่วมดำเนินงานกับผู้พัฒนา จำนวน 28 นิคม
3. บทสรุป
กน อ. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงานของ กนอ. พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ในปัจจุบันการแข่งขันทางเศรษฐกิจมีความเข้มข้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมนั้นเป็นตัวแรกที่สำคัญแห่งการนำนิคมอุตสาหกรรม เข้าสู่เวทีการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งบทความดังกล่าวข้างต้น จะทำให้ทราบถึงขั้นตอนวิธีการในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นแนวทางในการจัดเตรียมข้อมูล โดยสังเขป
กิตติกรรมประกาศ
ผู้เขียนใคร่ขอขอบคุณ คณะผู้จัดทำเว็บไซต์การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยhttp://www.ieat.go.th/ และคู่มือการขออนุญาต สำหรับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/ และขอขอบพระคุณ คณาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ให้ความรู้และข้อมูล
นิคมอุตสาหกรรมจึงทำ ให้เกิดบทความ ความรู้เบื้องต้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ขั้นตอนการขออนุญาต
เอกสารอ้างอิง
[1] พระราชบัญญัติ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2552
[2] คู่มือการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
[3] คู่มือการขออนุญาต/อนุมัติ สำหรับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม
[4] การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย http://www.ieat.go.th/
กรณีนิคมฯ ร่วมดำเนินงาน ของภาคเอกชนร่วมกับ กนอ.
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณา
1. พื้นที่ ต้องไม่ขัดต่อนโยบายการใช้ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม และกฎหมายอื่นๆ เช่น พรบ. ผังเมือง, ไม่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ, หรือไม่อยู่ในเขตห้ามประกอบกิจการโรงงานทุกประเภท
2. เมื่อผ่านข้อ 1 แล้ว กนอ. จะพิจารณาความเป็นไปได้โครงการด้านต่างๆ คือ ด้านการเงิน, ด้านมาตรฐานระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการในนิคมฯ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับ กนอ.
2.4 การพัฒนาของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
- ปัจจุบัน กนอ. มีนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 39 นิคม กระจายอยู่ใน 14 จังหวัด
- นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง จำนวน 11 นิคม
- นิคมอุตสาหกรรมที่ร่วมดำเนินงานกับผู้พัฒนา จำนวน 28 นิคม
3. บทสรุป
กน อ. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงานของ กนอ. พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ในปัจจุบันการแข่งขันทางเศรษฐกิจมีความเข้มข้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมนั้นเป็นตัวแรกที่สำคัญแห่งการนำนิคมอุตสาหกรรม เข้าสู่เวทีการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งบทความดังกล่าวข้างต้น จะทำให้ทราบถึงขั้นตอนวิธีการในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นแนวทางในการจัดเตรียมข้อมูล โดยสังเขป
กิตติกรรมประกาศ
ผู้เขียนใคร่ขอขอบคุณ คณะผู้จัดทำเว็บไซต์การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยhttp://www.ieat.go.th/ และคู่มือการขออนุญาต สำหรับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/ และขอขอบพระคุณ คณาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ให้ความรู้และข้อมูล
นิคมอุตสาหกรรมจึงทำ ให้เกิดบทความ ความรู้เบื้องต้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ขั้นตอนการขออนุญาต
เอกสารอ้างอิง
[1] พระราชบัญญัติ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2552
[2] คู่มือการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
[3] คู่มือการขออนุญาต/อนุมัติ สำหรับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม
[4] การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย http://www.ieat.go.th/
กฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม
พ.ศ. ๒๕๔๘[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
ข้อ ๒ นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งต้องจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการที่จำเป็นตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของนิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท
ดังต่อไปนี้
(๑) ระบบถนนภายในหรือทางเชื่อมต่อกับถนนหรือทางภายนอกนิคมอุตสาหกรรม
(๒) ระบบระบายน้ำฝน หรือระบบป้องกันน้ำท่วม
(๓) ระบบประปา
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบสื่อสารโทรคมนาคม
(๖) ระบบไฟฟ้า
(๗) ระบบดับเพลิงและระบบป้องกันอุบัติภัย
(๘) ระบบจัดการกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฏิกูล
(๙) ระบบติดตามตรวจสอบมลพิษและคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(๑๐) ระบบรักษาความปลอดภัย
นอกจากที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่งแล้ว คณะกรรมการอาจกำหนดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการอื่นเพิ่มเติมตามความจำเป็นอีกก็ได้ เช่น ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์กลางการติดต่อสื่อสาร สถานพยาบาล หรือการบริการรถรับส่ง เป็นต้น
ระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง
ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ คณะกรรมการสามารถกำหนดให้แตกต่างกันได้ โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการ การควบคุมดูแล
และการป้องกันผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อมตามลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม
กลุ่มอุตสาหกรรม หรือกลุ่มกิจกรรมในแต่ละนิคมอุตสาหกรรม
การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในท้องที่ใด หากบริเวณท้องที่นั้นสามารถใช้บริการจากระบบหนึ่งระบบใดตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองจากหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนที่ได้ดำเนินการในลักษณะสาธารณะ หรือเป็นธุรกิจบริการภายนอกนิคมอุตสาหกรรม ผู้ที่จะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสามารถจัดให้มีระบบตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง โดยการใช้บริการดังกล่าวได้ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ
ข้อ ๓ การจัดสรรพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมให้จัดตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของนิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท โดยแต่ละนิคมอุตสาหกรรมต้องจัดให้มีพื้นที่สีเขียว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๔ ให้ผู้ที่จะจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมจัดทำโครงการเพื่อขออนุมัติต่อคณะกรรมการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อมูลในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) ประเภทหรือกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มกิจกรรมเป้าหมาย
(๒) โครงการปรับปรุงที่ดินที่ขอจัดสรรเพื่อให้เป็นนิคมอุตสาหกรรม การจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการ รวมทั้งการปรับปรุงอื่นตามควรแก่สภาพและลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม โดยแสดงแผนผังการใช้ที่ดิน แผนที่สังเขปแสดงแนวเขตที่ดิน
แหล่งน้ำใช้ แหล่งรองรับน้ำทิ้ง และบริเวณข้างเคียง แผนงาน และกำหนดระยะเวลาการพัฒนาโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จ
(๓) ขนาดของการลงทุน แหล่งเงินทุน แผนการตลาด และแผนการเงิน
(๔) ข้อเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการให้บริการระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม
(๕) จำนวนเนื้อที่และรายละเอียดของที่ดินพร้อมหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง หรือหลักฐานแสดงการจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินที่เจ้าของที่ดินยินยอมให้ดำเนินการเป็นนิคมอุตสาหกรรมได้
เมื่อคณะกรรมการอนุมัติโครงการจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมตามที่ผู้จัดทำโครงการเสนอแล้ว ให้ประธานกรรมการประกาศการจัดตั้ง การเปลี่ยนแปลงเขต หรือการยุบเขตนิคมอุตสาหกรรมในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๕ ในกรณีที่เอกชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐประสงค์จะจัดสรรที่ดินเพื่อจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากจะต้องดำเนินการตามที่กำหนดในข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ แล้ว จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดสรรที่ดินเพื่อให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
(๑) การขออนุญาตและการอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน
(๒) การค้ำประกันการจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
(๓) การก่อภาระผูกพันแก่ที่ดินในโครงการ
(๔) การดำเนินการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่นแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม
(๕) การจัดการดูแลและบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
(๖) การจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
ข้อ ๖ นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งต้องจัดให้มีกองทุนหลักประกันเพื่อการบำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรมตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของนิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๗ บรรดาหลักเกณฑ์ที่ออกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้คงใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีหลักเกณฑ์ที่ออกตามกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับแทน
ข้อ ๘ บรรดาคำขออนุมัติจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ หรือ กนอ. ในวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นคำขออนุมัติดำเนินโครงการจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมตามกฎกระทรวงนี้โดยอนุโลม ในกรณีที่คำขออนุมัติดังกล่าวมีข้อแตกต่างไปจากคำขออนุมัติตามกฎกระทรวงนี้ ให้คณะกรรมการ หรือ กนอ. มีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามกฎกระทรวงนี้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์ของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ดังนั้น เพื่อให้การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว สมควรต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนและสถานการณ์ในปัจจุบัน
รวมทั้งเพื่อเอื้ออำนวยให้นิคมอุตสาหกรรมเป็นกลไกที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศได้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ไม่ผ่าน
พระราชบัญญัติ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ดร.สมัย เหมมั่น CEO
รวบรวมและนำเสนอ ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการธุรกิจสู่ AEC โครงการนิคม อุตสาหกรรม เมืองมหาชัย
(อยู่เจริญ-ท่าจีน)
ศึกษาโครงการที่เกียวเนื่องของรัฐบาลที่สนับสนุนการก่อสร้าง
โครงการขยายถนน สะพานสมุทร
‘สะพานสมุทรสาคร’จริงหรือฝัน?
คืบหน้าไปอีกขั้นสำหรับโครงการถนนสายสมุทรปราการ-สมุทรสาคร
ความยาว 60 กิโลเมตร
พร้อมสะพานสมุทรปราการ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ และสะพานสมุทรสาคร
ข้ามแม่น้ำท่าจีน
เมื่อกรมทางหลวงชนบทได้ว่าจ้างเอกชนออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ภายในเดือนธันวาคม 2559 โดยใช้ระยะเวลา 26 เดือน
โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานในระยะ
10 ปีแรก
(ปัจจุบัน – พ.ศ. 2564) ของแผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
เขตกรุงเทพและปริมณฑล กระทรวงคมนาคม
ที่มีโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 แห่ง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร และรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเดินทางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ 2 แห่ง และถนนยกระดับขนานคลองสรรพสามิต
และคลองพิทยาลงกรณ์ ความยาวรวม 60 กิโลเมตร
เริ่มตั้งแต่ถนนเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ สิ้นสุดที่ถนนพระราม 2 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 38-39 ก่อนถึงปากทางบ้านแพ้ว
มูลค่าก่อสร้างประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
หากดำเนินการก่อสร้างจะใช้เวลาเวนคืนที่ดินประมาณ 2-3 ปี
และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี
ที่สำคัญ
โครงการนี้มีทางเชื่อมต่างระดับรวม 9 จุด ได้แก่ ทางแยกต่างระดับถนนพระราม 2, ทางขึ้น-ลงท่าฉลอม และทางแยกต่างระดับมหาชัย, ทางแยกต่างระดับ
บางขุนเทียน-ชายทะเล, ทางแยกต่างระดับวัดคู่สร้าง, ทางแยกต่างระดับสุขุมวิท, ทางแยกต่างระดับแพรกษา,
แนวเชื่อมต่อวงแหวนด้านใต้ (สุขสวัสดิ์-บางพลี)
และทางแยกต่างระดับถนนเทพารักษ์
น่าสังเกตว่า โครงการนี้จะใช้แนวเส้นทางใหม่ทั้งหมด
โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่สะพานสมุทรสาคร ถึงสะพานสมุทรปราการ
จะไม่ใช้แนวถนนสหกรณ์-โคกขามแล้ว แต่จะตัดถนนใหม่ขนานไปกับคลองพิยาลงกรณ์
และคลองสรรพสามิต โดยมีระยะห่างจากคลอง 350 เมตร พร้อมถนนบริการชุมชน
จึงคาดว่าเพื่อแบ่งการจราจรระหว่างรถที่สัญจรระยะใกล้ กับรถที่สัญจรระยะยาว
– ความเจริญขานรับ
“สหกรณ์-โคกขาม” ส้มหล่นราคาที่ดินพุ่ง!
ในการประชุมแนะนำโครงการที่
จ.สมุทรสาคร ประชาชนที่เข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นพอใจในโครงการถนนสายดังกล่าว
เนื่องจากถนนสายหลักในสมุทรสาครมีน้อย สวนทางกับการจราจรและความหนาแน่นของชุมชนมีมากขึ้น
แม้จะมีบางความเห็นที่เสนอแนะเพิ่มเติม เช่น ให้ถนนยกระดับสูงมากกว่า 2.5 เมตร
ให้รูปแบบสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนมีความสวยงามเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ
หากย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมา
ถนนสหกรณ์-โคกขาม ในพื้นที่ ต.บางหญ้าแพรก และ ต.โคกขาม นั้น
มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นจำนวนหนึ่ง โดยส่วนมากเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น
อาทิ หมู่บ้านรินรดา, หมู่บ้านสาครธานี,
หมู่บ้านมหาชัยเมืองทอง, หมู่บ้านสวนปาล์มลากูน,
หมู่บ้าน ณ ชเล เพลส, หมู่บ้านมหาชัยธานี,
หมู่บ้านสวนมหาชัย, หมู่บ้านอิฐสวย ฯลฯ
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัท
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวโครงการพฤกษ์ลดา มหาชัย
บริเวณถนนสหกรณ์-โคกขาม เป็นบ้านเดี่ยวขนาดที่ดินตั้งแต่ 50 ตารางวา
จำนวน 293 แปลง มีพื้นที่โครงการรวม 65.2 ไร่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท พร้อมสโมสร
สระว่ายน้ำ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนขึ้นไป
ถือเป็นโครงการแรกบนถนนสหกรณ์-โคกขาม
ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาปักธงในพื้นที่แห่งนี้ และเป็นที่น่าสังเกตว่า
ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้กับโค้งยายขาว ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงกับทางแยกต่างระดับมหาชัย
หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริงจะมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เข้ามาเปิดโครงการเพิ่มเติมในพื้นที่แห่งนี้แน่นอน
ข้อมูลจากกรมธนารักษ์ระบุถึงราคาประเมินที่ดินในรอบบัญชีปี
2555-2558 พบว่าหมู่บ้านมหาชัยเมืองทอง
ต.บางหญ้าแพรก ราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตารางวา
แต่จากการสำรวจการประกาศขายที่ดินบนถนนสหกรณ์ พบว่าได้มีการประกาศขายตั้งแต่ไร่ละ 1-3
ล้านบาท คาดว่าหากมีโครงการสะพานสมุทรสาครเกิดขึ้น
ราคาที่ดินจะพุ่งสูงขึ้นกว่านี้
นอกจากนี้
ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า โครงการนี้มีทางแยกต่างระดับท่าฉลอม
บริเวณริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก เชื่อมโยงกับถนนเทศบาลตำบลบางหญ้าแพรก
ที่ผ่านมาบริเวณดังกล่าวเป็นเพียงชุมชนชาวประมงเล็กๆ
ห่างจากตัวเมืองสมุทรสาครทางรถยนต์ประมาณ 10 กิโลเมตร แต่เมื่อมีทางแยกต่างระดับตัดผ่าน
นอกจากจะลดระยะเวลาข้ามฟากแล้วยังส่งผลไปถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์จะปักธงจุดนี้ด้วย
– ถนนสหกรณ์-โคกขามยังไม่เป็น
4 ช่องจราจรตลอดสาย
สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นบนโครงการถนนสายสมุทรปราการ-สมุทรสาครนั้น
จะกระจุกตัวอยู่ในละแวกทางแยกต่างระดับมหาชัย และท่าฉลอมเป็นหลัก แม้จะมีทางบริการชุมชนแต่ก็ขึ้นอยู่กับทำเลว่าจะเข้า-ออกถนนสายหลักได้สะดวกหรือไม่
ส่วนถนนสหกรณ์-โคกขามนั้นแม้จะอยู่คนละส่วน
เพราะแนวเส้นทางใหม่อยู่ทางทิศใต้ของคลองพิทยาลงกรณ์ และคลองสรรพสามิต
แต่ก็ยังมีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังถนนพันท้ายนรสิงห์ และถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล
สภาพเส้นทางถนนสหกรณ์-โคกขาม
ตั้งแต่สุดเขตเทศบาลนครสมุทรสาคร ถึงวัดสหกรณ์โฆษิตารามนั้น พบว่าส่วนใหญ่มีเพียง 2 ช่องจราจรสวนทางเท่านั้น จะมี 4
ช่องจราจรเป็นบางช่วง โดยสะพานข้ามคลองสหกรณ์ ที่ก่อสร้างเป็น 2
สะพานคู่กัน ความกว้างรวม 4 ช่องจราจร
ซึ่งเป็นที่กังขาว่าถนนมีเพียงแค่ 2 ช่องจราจร
ยังไม่ขยายถนนมาถึงจุดนี้ แล้วจะสร้างสะพานคู่ไปทำไม
ที่ผ่านมากรมทางหลวงมีอุปสรรคในเรื่องของงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด
ต้องนำไปพัฒนาแก้ไขปัญหาภาพรวมทั้งประเทศ
ทำได้เพียงแค่ใช้วิธีการซ่อมบำรุงมาโดยตลอด ไม่ได้มีการพัฒนาถนนเพื่อรองรับยานพาหนะที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
อีกทั้งถนนสหกรณ์ไม่ถือว่าเป็นโครงข่ายหลัก
นโยบายกรมทางหลวงส่วนใหญ่จึงยกถ่ายโอนให้กับหน่วยงานท้องถิ่นที่มีศักยภาพมากพอในการพัฒนาดูแล
ข้อมูลจากสำนักอำนวยความปลอดภัย
กรมทางหลวง พบว่าถนนสหกรณ์-โคกขาม เมื่อปี 2551 มีปริมาณการจราจรโดยเฉลี่ย 1.1 หมื่นคันต่อวัน ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปี 2554 เฉลี่ย
1.4 หมื่นคัน หรือเพิ่มขึ้น 27% แต่ในปี
2557 ที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณการจราจรโดยเฉลี่ยแบบก้าวกระโดด
สูงถึง 1.8 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นสูงถึง 63%
หากมีความเจริญเข้ามามากขึ้น
คาดว่าจะมีปริมาณการจราจรสูงถึง 2 หมื่นคัน เทียบเท่าถนนเอกชัยที่มีปริมาณการจราจรโดยเฉลี่ย 2.2 หมื่นคันต่อวันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สภาพถนนเพียงแค่ 2 ช่องจราจรสวนทางนั้นไม่เพียงพอต่อความแออัดของถนนที่ถูกบีบจากสะพานมหาชัยลงมาแน่นอน
เพื่อให้สอดรับกับโครงการถนนสายสมุทรปราการ-สมุทรสาคร
ก็จะต้องขยายถนนสหกรณ์-โคกขามเป็น 4-6 ช่องจราจร
เพื่อรับรถเข้าสู่ตัวเมืองสมุทรสาคร
แม้ว่าถนนสหกรณ์-โคกขาม
จะสมควรพัฒนาโดยการขยายถนน
แต่พบว่าในช่วงที่ผ่านมาไม่มีการนำเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมระดับจังหวัด โดยที่ผ่านมาต่างมุ่งเน้นให้ความสนใจไปที่ถนนพระราม
2 ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักจากกรุงเทพฯ
มุ่งหน้าสู่ภาคใต้ ซึ่งมีปัญหาด้านการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาล
และปัญหาขาดแคลนจุดกลับรถ
แต่ขึ้นอยู่กับการผลักดันงบประมาณลงมายังจังหวัดว่าจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่
– “ผลกระทบสิ่งแวดล้อม”
เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
แม้ว่าในพื้นที่สมุทรสาครจะมีการขานรับโครงการถนนสมุทรปราการ-สมุทรสาคร
พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน
ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสมุทรสาคร แต่ในสายตาของนักอนุรักษ์
ยังตั้งข้อสงสัยว่า เพราะเหตุใดจึงต้องการสร้างทางยกระดับดังกล่าว
ขนานไปกับแนวชายฝั่งทะเลของกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
เว็บไซต์โอเคเนชั่น
โดยบล็อกเกอร์ BlueHill เคยเขียนบทความในหัวข้อ
“วิถีชุมชน ชีวิตนกน้ำ และโครงการสะพานข้ามเจ้าพระยา 5
หมื่นล้าน” เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า
บริเวณเวณดังกล่าวแม้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร
แต่ก็มีพื้นที่จำนวนไม่น้อยเป็น พื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ
มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรชีวภาพ เป็นแหล่งอาหารแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญ
ทั้งยังเป็นแนวป้องกันคลื่นลมและการพังทลายของชายฝั่งทะเล
โดยเฉพาะทางยกระดับพาดผ่านบริเวณ
พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติตามอนุสัญญาแรมซาร์ ไซต์ ใน ต.โคกขาม
อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่ง ทำนาเกลือ
ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมของคนไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน และเป็นจุดอาศัยของ
นกชายเลนหายากระดับโลก ในช่วงที่อพยพมาเมืองไทย
นาเกลือโคกขาม
เป็นแหล่งดูนกชายเลนที่มีชื่อเสียงระดับโลก
แต่ละปีมีชาวต่างประเทศบินมาดูนกหายากระดับโลกที่นี่กันเป็นจำนวนมาก
สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว ในช่วงฤดูหนาวจะพบนกได้ไม่ต่ำกว่า 40 ชนิด ในช่วงต้นปีของทุกปีจะมีการจัดงาน
“เทศกาลอนุรักษ์นกชายเลน” ขึ้นมา
เพื่ออนุรักษ์นกชายเลนที่สวยงามและหาดูได้ยาก รวมถึงยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรสาครด้วย
“ดูเหมือนว่าบริษัทที่รับทำอีไอเอ
ให้กับโครงการทางยกระดับของกรมทางหลวง คงต้องทำการบ้านอย่าง หนักหน่วง
เพื่อที่จะอธิบายให้เห็นภาพว่า ทางยกระดับความยาวร่วม 60 กิโลเมตร
พร้อมงบเกือบ 50,000 ล้านบาท
ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชุมชนและไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด”
ในบทความ ระบุ
บล็อกเกอร์รายดังกล่าวได้ระบุอีกว่า
กรมทางหลวงชนบท มีเจตนาหรือจงใจ “ละเมิด” อนุสัญญาแรมซาร์ ไซต์ หรือไม่ เพราะในปี 2540
ครม. เห็นชอบในหลักการการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาพื้นที่ชุ่มน้ำ
และให้กระทรวงต่างประเทศลงนามการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา
ต่อมาประเทศไทยได้มอบสัตยาบันสารต่อผู้แทนยูเนสโก้เมื่อปี 2541 ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศภาคีสมาชิกอนุสัญญาแรมซาร์ลำดับที่ 110
นอกจากนี้ ในปี 2553 ครม.
มีมติรับรองข้อตกลงการเป็นพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพและการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก
– ออสเตรเลีย หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “Flyway Site” รวม 15 พื้นที่ แน่นอนว่า พื้นที่ “นาเกลือโคกขาม” ได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ในข้อตกลงนี้ด้วย
“ด้วยเหตุและผลมาทั้งหมดทั้งปวงนั้น
มิได้คัดค้านหรือต่อต้านโครงการนี้แต่ประการใด
หากว่ามันคุ้มค่าและสามารถแก้ปัญหาจราจรให้แก่ประชาชนได้จริง เพียงแต่ต้องการชี้ให้เจ้าภาพโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เห็นถึงผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดขึ้นกับ วิถีชุมชน และ พื้นที่อาศัยของนกน้ำ
ตลอดจนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับ ประเทศชาติ จากผลพวงการ”ฉีกทิ้ง”อนุสัญญาแรมซาร์ ไซต์” ในบทความ ระบุ
อ่านเพิ่มเติม :
วิถีชุมชน ชีวิตนกน้ำ และโครงการสะพานข้ามเจ้าพระยา 5 หมื่นล้าน
http://www.oknation.net/blog/charlee/2013/05/28/entry-2
แม้โครงการขนาดยักษ์มูลค่า
5 หมื่นล้านบาทของกรมทางหลวงชนบทที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัดออกมาว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ แต่ความเจริญที่คนสมุทรสาครวาดฝันในวันข้างหน้า
กับกระแสคัดค้านที่ส่งผผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนและสิ่งแวดล้อม
จากการทำทางยกระดับตลอด 60 กิโลเมตร
ยังเป็นหนังม้วนยาวที่ต้องรอดูว่า โครงการนี้จะเกิดหรือจะแท้งก่อนเวลาอันควร.
(ล้อมกรอบ)
“ถนนสหกรณ์” ไปไม่ถึงสมุทรปราการ
ย้อนกลับไปในอดีต
ถนนสายสมุทรปราการ-สมุทรสาคร ทางเดิมเป็นทางของ 3 จังหวัด ต้นทางจาก จ.สมุทรปราการ ช่วงกลางของ
จ.ธนบุรีเดิม (ปัจจุบันเป็นกรุงเทพมหานคร) และช่วงปลายเป็นของ จ.สมุทรสาคร ระยะทาง
37.873 กิโลเมตร กรมทางหลวงรับมอบมาดูแลตั้งแต่ปี 2513
สภาพทางก่อนรับมอบ เป็นทางผิวลูกรังบางๆ บางช่วงเป็นคันดิน
การจราจรผ่านไม่ได้
ต่อมาเปลี่ยนบัญชีสายทางเป็นถนนสายสมุทรสาคร-โคกขาม
ระยะทาง 6.873 กิโลเมตร
ได้ทำการบูรณะและปรับปรุงเป็นทางลาดยางตลอดสาย
เปลี่ยนสะพานไม้ก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด 5 แห่ง มีท่อเหลี่ยมคอนกรีตเสริมเหล็ก 10 แห่ง
มีท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก 14 แห่ง
มีประชาชนใช้ในการสัญจรมากขึ้น ประกอบกับมีปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้น
ทำให้สภาพถนนชำรุดและเสียหายมาก
ในปี 2539 กรมทางหลวงจึงได้มีนโยบายที่จะก่อสร้างทางสายนี้ขึ้นใหม่
โดยก่อสร้างเป็นผิวทางแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีต กว้าง 7 เมตร
ไหล่ทางกว้างข้างละ 1 เมตร จากกิโลเมตรที่ 0 ถึงกิโลเมตรที่ 7.130.420 ซึ่งทางบริษัท
มหกิจแทรคเตอร์บริการ จำกัด เป็นผู้ประมูลได้ในวงเงินค่าก่อสร้าง 63,915,400
บาท เริ่มต้นสัญญา 12 กุมภาพันธ์ 2539 สิ้นสุดสัญญา 5 มิถุนายน 2540 แล้วเสร็จตามสัญญา
ในปี 2546 ได้โอนมอบถนนสหกรณ์โคกขาม
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปบำรุงรักษา จำนวน 3 ช่วง
ได้แก่ เทศบาลนครสมุทรสาคร องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางหญ้าแพรก และ
อบต.โคกขาม แต่ในปี 2550 อบต.บางหญ้าแพรก และ อบต.โคกขาม
ได้โอนมอบคืนถนนสหกรณ์ให้กรมทางหลวง เนื่องจากไม่มีความพร้อมเรื่องงบประมาณ
โดยมีแขวงการทางสมุทรสาครรับมอบ
สำหรับถนนช่วงวัดสหกรณ์โฆสิตารามถึงนิคมบ้านไร่
เป็นทางหลวงชนบท สค.4008 ระยะทาง
8.475 กิโลเมตร โดยมีลักษณะผิวจราจรลาดยางตลอดสาย
ก่อนเข้าสู่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีทางแยกถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ผ่านวัดธรรมคุณาราม
ข้ามสะพานคลองขุนราชพินิจใจที่กรมทางหลวงชนบทสร้างไว้ เข้าสู่พื้นที่
จ.สมุทรปราการ ต่อด้วยถนนคอนกรีตยาว 900 เมตรกระทั่งเป็นทางคันดิน
อย่างไรก็ตาม
จากอดีตถึงปัจจุบันแนวถนนไม่ได้เชื่อมต่อกัน เนื่องจากติดปัญหาที่ดินของชาวบ้าน
และต้องก่อสร้างสะพานข้ามคลองอีก 4 แห่ง ถึงจะเชื่อมต่อกับถนนเลียบคลองสรรพสามิต
ซึ่งกรมทางหลวงโอนให้เป็นทางหลวงชนบท สป.3010 ระยะทางรวม 14.520
กิโลเมตร แต่ระยะทางจริงจากถนนสุขสวัสดิ์เพียงแค่ 8 กิโลเมตรเศษ และจากสะพานข้ามคลองขุนราชพินิจใจเพียง 900 เท่านั้น
ปัจจุบันทางหลวงชนบท สป.3010 อยู่ระหว่างขั้นตอนยกถ่ายโอนให้กับเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า
อ.พระสมุทรเจดีย์ นำไปรับผิดชอบบริหารปรับปรุงต่อไป
ปลายถนนเชื่อมต่อตรงไปยังถนนคลองสวน-บ้านล่าง มุ่งหน้าออกไปถนนประชาอุทิศ
บริเวณซอยประชาอุทิศ 90 แต่ไม่ได้เชื่อมต่อกับสะพานคลองขุนราชพินิจใจที่สร้างไว้แต่อย่างใด.
ผุดโปรเจ็กต์สะพานข้ามเจ้าพระยา-ท่าจีนพร้อมถนนเชื่อมเทพารักษ์-พระราม
2
กรมทางหลวงชนบทจัดการประชุมแนะนำโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน
เชื่อมต่อถนนพระราม 2 ถึงถนนเทพารักษ์ สมุทรปราการ แก้ปัญหาจราจรติดขัด
รองรับการเดินทางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา สำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม 26 เดือน คาดเวนคืนที่ดิน 2-3 ปี ใช้เวลาก่อสร้าง 4-5
ปี อยู่ในแผนงานปี 2564
เมื่อวันที่
18 มี.ค.
ที่โรงแรมเซ็นทรัล เพลซ ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร
กรมทางหลวงชนบทจัดการประชุมแนะนำโครงการออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงข่ายทางสนับสนุนการเชื่อมต่อระบบขนส่งหลักของประเทศ ช่วง จ.สมุทรสาคร ถึง
จ.สมุทรปราการ (สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
และถนนเชื่อมต่อ) โดยมีนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ รองผู้ว่าราชปารจังหวัดสมุทรสาคร
พร้อมด้วยนายสรชัย ศิริดาวทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทสมุทรสาคร, นายสุรพล ศรีเสาวชาติ วิศวกรใหญ่ และที่ปรึกษาโครงการ กรมทางหลวงชนบท
และวิทยากรประกอบด้วย นายวินิจ เจียรสถาวงศ์ ผู้จัดการโครงการ, นายวินิจ เจียรสถาวงศ์ ผู้จัดการโครงการ และนายจารุวัตร แสงอ่อน
วิศวกรงานทาง
สำหรับโครงการดังกล่าวสืบเนื่องมาจากสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
(สนข.) ดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยเสนอให้สร้างบริเวณ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและรองรับปริมาณการเดินทางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ต่อมา กรมทางหลวงชนบท
ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการดังกล่าว แล้วเสร็จเมื่อปี
2555 ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรอง
เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ 12/2556 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 รับทราบแผนแม่บทตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร
และเพื่อให้การเดินทางระหว่างพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยามีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปดำเนินงานอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ
โดยกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
บริเวณอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีแผนการดำเนินงานในระยะ 10 ปีแรก (ปัจจุบัน – พ.ศ. 2564) ต่อมากรมทางหลวงชนบทได้ลงนามสัญญาว่าจ้าง
กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา 5 บริษัทประกอบด้วย บริษัท เอเชี่ยน
เอ็นจิเนียริ่งคอนซัลแต้นส์ จำกัด บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท วิชชากร จำกัด
บริษัท พรี ดีเวลลอปเมนท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด
ให้ดำเนินการโครงการออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โดยเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2557 สิ้นสุดโครงการ ในวันที่ 8 ธันวาคม 2559
โครงการดังกล่าวจะเป็นทางยกระดับ
6 ช่องการจราจร
ตัดผ่าน 3 จังหวัด 5 อำเภอ 20 ตำบล แนวเส้นทางของโครงการมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 60 กิโลเมตร
โดยแบ่งได้เป็น 3 ช่วง คือ เริ่มจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35
(ถนนพระราม 2) บริเวณก่อนถึงทางแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
375 (ถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน)
หลังจากนั้นแนวเส้นทางจะข้ามคลองสุนัขหอน และข้ามทางรถไฟสายบ้านแหลม แม่กลอง
แล้วเลี้ยวซ้ายตัดผานพื้นที่ทำนาเกลือ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
และพื้นที่เกษตรต่างๆ ก่อนที่จะข้ามแม่น้ำท่าจีน
บริเวณข้างป่าชายเลนของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน
จ.สมุทรสาคร แล้วจึงเลี้ยวขวาจนถึงจุดสิ้นสุดโครงการ ช่วงที่ 1 ซึ่งจะศึกษาการเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3423 (ถนนสหกรณ์-โคกขาม)
ทั้งหมดรวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 15 กิโลเมตร
ประกอบด้วยสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน 1 จุด
และทางเชื่อมต่างระดับ 3 จุด ได้แก่
ทางแยกต่างระดับถนนพระราม 2, ทางขึ้น-ลงท่าฉลอม
และทางแยกต่างระดับมหาชัย
ช่วงที่ 2 จะเริ่มจากจุดเชื่อมต่อกับถนนสหกรณ์
แนวเส้นทางจะขนานกับคลองพิทยาลงกรณ์ หรือคลองสรรพสามิต โดยจะอยู่ด้านทิศใต้ของคลอง
ระยะห่างประมาณ 350 เมตร
แนวเส้นทางจะเป็นเส้นตรงพาดผ่านพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพื้นที่นาเกลือของ
ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร, แขวงท่าข้าม
เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และ ต.บ้านสวน ต.นาเกลือ ต.แหลมฟ้าผ่า
อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการ ช่วงที่ 2 ซึ่งที่ปรึกษาจะศึกษาการเชื่อมต่อกับถนนประชาอุทิศ – วัดคู่สร้าง ทั้งหมด รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 27 กิโลเมตร
ประกอบด้วยทางเชื่อมต่างระดับ 2 จุด ได้แก่ ทางแยกต่างระดับ
บางขุนเทียน-ชายทะเล และ ทางแยกต่างระดับวัดคู่สร้าง
ช่วงที่ 3 เริ่มจากจุดเชื่อมต่อถนนประชาอุทิศ
– วัดคู่สร้าง แล้วข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
บริเวณด้านหนึ่งของกองเรือทุ่นระเบิด ผ่านถนนท้ายบ้าน วัดอโศการาม ถนนสุขุมวิท
ถนนแพรกษา จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการ ช่วงที่ 3 ที่ถนนเทพารักษ์
ซึ่งที่ปรึกษาจะศึกษาการเชื่อมต่อกับถนนบางนา-ตราด ทั้งหมด
รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 20 กิโลเมตร
ประกอบด้วยสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 1 จุด, ทางเชื่อมต่างระดับ 4 จุด ได้แก่
ทางแยกต่างระดับสุขุมวิท, ทางแยกต่างระดับแพรกษา, แนวเชื่อมต่อวงแหวนด้านใต้ (สุขสวัสดิ์-บางพลี)
และทางแยกต่างระดับถนนเทพารักษ์
ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวมีระยะเวลา 26 เดือน โดยจะดำเนินงานสำรวจและออกแบบเบื้องต้น 4
เดือน งานศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม 15 เดือน งานสำรวจและออกแบบรายละเอียด 18 เดือน และงานสำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์เบื้องต้น
6 เดือนสุดท้าย
โดยจะมีการจัดประชุมปฐมนิเทศโครงการในช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 การประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่
1 ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2558, การประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่
2 ในช่วงเดือนธันวาคม 2558 และการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการ
ในช่วงเดือนมีนาคม 2559 โดยมีมูลค่าก่อสร้างประมาณ 5 หมื่นล้านบาท หากดำเนินการก่อสร้างจะใช้เวลาเวนคืนที่ดินประมาณ 2-3
ปี และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี
ด้านประชาชนที่เข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นพอใจในโครงการถนนสายดังกล่าว
เนื่องจากถนนสายหลักในสมุทรสาครมีน้อย
สวนทางกับการจราจรและความหนาแน่นของชุมชนมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม
ได้มีผู้เข้าร่วมประชุมบางรายแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันไป อาทิ
ปัญหาถนนยกระดับนั้นมีความสูงเพียง 2.5 เมตร บางรายเสนอให้สร้างทางยกระดับข้ามวัดเจษฎาราม
บางรายเสนอให้รูปแบบสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนมีความสวยงามเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยา
บางรายเสนอให้จุดเริ่มต้นโครงการอยู่ที่บริเวณแยกถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน ต.บ้านบ่อ
และบางรายแสดงความสงสัยว่าทำไมจุดสิ้นสุดโครงการอยู่ที่ถนนเทพารักษ์
เนื่องจากจุดดังกล่าวการจราจรติดขัด เป็นต้น
สาครออนไลน์ โดย สุรางค์ นาคทอง
นิคมอุตสาหกรรม เมืองมหาชัย
แผนการตลาดสู่ ความเป็นผู้นำ การค้า ด้านโรงงานอุตสาหกรรม
การกำหนดแผนการโฆษณา - ประชาสัมพันธ์
2.1 วางแผนโฆษณา – ประชาสัมพันธ์
เพื่อปลุกกระแสกำลังซื้อโดยผ่านสื่อต่าง ๆ
2.2 จัดทำแผนประชาสัมพันธ์โครงการให้ให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและได้ผล
2.3 ไดเร็คเซลล์สู่กลุ่มเป้าหมาย
2.4 ดูแลสื่อโฆษณาทาง INTERNET ผ่านเว็บไซต์ ต่างๆ
2.5 กระจาย link ไปที่สื่ออื่นๆ เช่นตามเว็บต่างๆ
และใน Google
2.6 วางแผนจัดทำป้ายโฆษณา
และป้ายบอกทางตลอดเส้นทางหลัก และเส้นทางรอง(ซอย)ทั้งหมด
2.7 จัดทำป้ายยินดีต้อนรับและติดต่อสำนักงานขาย
2.8 จัดทำใบปลิว / แผ่นพับ
แจกตามละแวกใกล้เคียงที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
2.9 ออกบูธตามห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงโครงการและกลุ่มเป้าหมาย
2.10 ลงโฆษณาในสื่ออื่น ๆ ตามความเหมาะสม เช่น
สื่อทางอินเตอร์เน็ต วารสารต่างๆ
ช่องทางการทำการตลาด
|
ผังเมือง สมุทรสาคร
(เดิมที่หมดอายุ )
ช่องทางการทำการตลาด
เพื่อส่งเสริมความต้องการบ้านจัดสรรแก่ลูกค้าเป้าหมาย
|
ผู้ประกอบการ
|
พนักงาน
|
ความสำเร็จของบริษัท
|
การตัดสินใจซื้อ
|
ผู้บริโภค
|
การทำการตลาดแบบ IMC
- การโฆษณา (Advertising)
- การประชาสัมพันธ์ (Public Relation)
- ป้ายบอกทาง (Signage)
- Internet
- การจัดกิจกรรมพิเศษ (Event Marketing) เช่น
การออกบูธ, การจัดงานปาร์ตี้ เป็นต้น
- การส่งเสริมการขาย (Promotion)
- Direct Marketing
- SMS ข้อความสื่อสารทางโทรศัพท์เคลื่อนที่
- การบริการ
- อื่นๆ
|
ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้วยการทำการตลาดแบบครบเครื่อง
|
Ø การโฆษณา (Advertising)
สื่อโฆษณา(Advertising) เป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้ลูกค้ารู้จักในเรื่องของแบบบ้าน
ราคา ที่ตั้งของโครงการ
โดยการเลือกใช้สื่อนิตยสาร คือ ลงสื่อ -วัฎฏะ, วัฏสาร, ตลาดบ้าน, บ้านพร้อมอยู่, วารสาร อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้จะคัดเลือกสื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายต่อไป
Ø ป้ายบอกทาง
ใช้การตลาดเชิงกว้าง รายละเอียดของป้ายจะเน้นข้อความ และสีสันของป้ายใช้เป็นจุดสนใจต่อผู้พบเห็นให้มากที่สุด
ตัวอย่างเช่น
จัดทำป้ายริมทางเสริมตามเส้นทางที่ไม่มีป้ายลงและเป็นจุดที่น่าจะดึงดูดลูกค้า
โดยการลง Promotion และ/หรือ
ข้อความต่างๆเป็นการสร้างจุดสนใจและทำการประชาสัมพันธ์ตลอดเส้นทางที่มุ่งสู่โครงการ
โดยทำการติดตั้งป้ายในเขตเส้นทางต่างๆ
Ø ป้ายไวนิล
ติดตามร้านค้า และรถโดยสารประจำทาง
ทั้งนี้เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างความถี่ในการพบเห็นของกลุ่มเป้าหมาย
Ø การตั้งกล่องแจกแผ่นพับตามสถานที่ราชการ
ตามสถานที่ราชการ ธนาคารโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ และบริษัทเอกชน
Ø ไดเร็กเซลส์
แจกใบปลิวกลุ่มเป้าหมายต่อเนื่องทุกๆสัปดาห์ โดยมีช่องทางดังนี้
เน้นแจกตามหมู่บ้านต่าง ๆ,บริษัทเอกชน, สถานที่ราชการ
โดยใช้การทำหนังสือให้ลูกค้าในโครงการแนะนำเพื่อนหรือญาติมาซื้อบ้านจากโครงการจะได้ค่าแนะนำโดยจะแบ่งตามระดับมูลค่าสินค้าและเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง Promotion ใหม่ หรือมีส่วนลดเงินสดจะสามารถแจ้งให้ลูกค้าทราบได้อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการตลาดแบบแฝงตัวตามงานเพื่อลูกค้าจะได้รับทราบอย่างทั่วถึง
Ø SMS ข้อความสื่อสารทางโทรศัพท์เคลื่อนที่
ส่ง SMS แจ้งข่าวสารต่างๆจากบริษัทฯ
ส่งตรงถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้ซื้อ
Ø การจัดกิจกรรมพิเศษ (Event Marketing)
การออกบูธบริเวณโดยรอบสถานที่ตั้งโครงการ อาทิ ศูนย์การค้าต่างๆ ,ส่วนราชการ และ บริษัทเอกชนที่มีกลุ่มเป้าหมายของโครงการอยู่
Ø ลูกค้าเก่าแนะนำลูกค้าใหม่
Ø PROMOTION
ส่วนลดเงินสด/ของแถม/ค่าแนะนำ
และ/หรือรับของกำนัล ฯลฯ
Ø INTERNET
ลงโฆษณาผ่านทางสื่อ INTERNET ผ่าน Domain
name เป็นของบริษัทฯ FaceBook และช่งทาง Social อื่นๆ
ควบคุมแผนการ โดย ดร.สมัย เหมมั่น CEO
แผนธุรกิจ
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
MAHACHAI INDUSTRIAL CITY
ตอบลบMAHACHAI INDUSTRIAL CITY